วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ขี้หู ภัยเงียบที่ควรระวัง!

เมื่อสงสัยว่ามีขี้หูอุดตัน ควรไปพบแพทย์ โดยแพทย์จะใช้เครื่องส่องหูตรวจช่องหูชั้นนอกว่าเป็นขี้หูอุดตันจริงหรือไม่

  ถ้าเป็น ขี้หู อุดตันจริง…

  1. แพทย์จะพยายามนำ ขี้หู ออกให้ อาจโดยการล้างช่องหูชั้นนอกด้วยน้ำเกลือ การคีบหรือดูด หรือใช้เครื่องดูดขี้หูออก
  2. ถ้าไม่สามารถเอาขี้หูออกได้ เนื่องจากขี้หูอัดแน่นมาก หรือเอาออกได้เพียงบางส่วน แพทย์จะสั่งยาละลายขี้หูจำพวกโซเดียมคาร์บอเนตให้ไปหยอดที่บ้านประมาณ 1 สัปดาห์ วันละ 7-8 ครั้ง แล้วนัดมาดูอีกครั้ง ซึ่งหลังจากหยอดยาละลายขี้หูแล้ว จะทำให้ขี้หูอ่อนตัวมากขึ้น ทำให้แพทย์เอาขี้หูออกได้ง่าย แต่อาจทำให้ขี้หูในช่องหูขยายตัวและอุดตันช่องหูชั้นนอกมากขึ้น ทำให้หูอื้อมากขึ้นได้

ครั้งต่อไปเพื่อป้องกันไม่ให้ขี้หูอุดตันอีก ควรปฏิบัติดังนี้

  1. อย่าใช้นิ้วแหย่ช่องหูเด็ดขาดเพราะขอบเล็บที่ปลายนิ้วจะทำให้ช่องหูชั้นนอกถลอก ติดเชื้อและอักเสบได้ง่าย
  2. อย่าใช้ไม้พันสำลีทำความสะอาดหู หรือปั่นหูเมื่อน้ำเข้าหูอีก ควรป้องกันไม่ให้น้ำเข้าขณะอาบน้ำ โดยหาสำลีชุบวาสลินหรือสวมหมวกอาบน้ำดึงลงมาคลุมถึงใบหู ในรายที่เล่นกีฬาทางน้ำ อาจใช้ที่อุดหูสำหรับนักดำน้ำซึ่งมีขายตามร้านกีฬามาช่วย
  3. หลายคนมักคิดว่า การทำความสะอาดข้างในช่องหูหรือเช็ดรูหูนั้น ก็เหมือนกับการทำความสะอาดร่างกายทั่วไป แต่จริงๆ แล้ว การปล่อยให้มีขี้หูเคลือบช่องหูบ้าง จะดีกว่า เพราะยิ่งเช็ด หรือแคะหูมาก ช่องหูจะยิ่งแห้ง คันและระคายเคืองได้มากกว่า แต่ถ้าน้ำเข้าหู อาจใช้ไม้พันสำลี ชนิดเนื้อแน่น ขนาดเล็กซับน้ำที่ปากช่องหูเล็กน้อยก็พอ แต่ถ้าน้ำเข้าหูเป็นชั่วโมงแล้ว ยังไม่ออกมา หูยังอื้ออยู่ ส่วนใหญ่เป็นเพราะมีขี้หูซึ่งอยู่ในส่วนลึกของช่องหู อมน้ำไว้ ถ้ามีอาการเช่นนี้ควรให้แพทย์หู-คอ-จมูก ตรวจทำความสะอาดช่องหูจะดีที่สุด
  4. ในรายที่ขี้หูแห้ง อาจใช้ยาละลายขี้หู หยอดรูหูเป็นประจำ เพื่อทำการล้างขี้หู อาจใช้เพียงอาทิตย์ละครั้ง ถ้าไม่มีปัญหา อาจห่างออกไปเป็น 2 หรือ 3 หรือ 4 อาทิตย์ หยอด 1 ครั้ง ก็จะช่วยลดการอุดตันของขี้หูในช่องหูชั้นนอกได้

เพียงเท่านี้…….. ท่านก็จะไม่พบกับปัญหาขี้หูอุดตันอีกต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น